วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2558

การตรวจสอบเสาเข็มเจาะ

การตรวจสอบสภาพเข็มเจาะ

ขั้นตอนการตรวจสภาพเสาเข็มภายหลังเข็มเจาะเสร็จแล้วนั้น ซึ่งเป็นขั้นตอนการตรวจสอบสภาพเสาเข็มและเข็มเจาะนี้วัตถุประสงค์เพื่อที่จะตรวจสอบสภาพถึงความสมบูรณ์ของเสาเข็มที่ได้ทำไปแล้วเท่านั้นว่าแข็งแรง ใช้งานได้จริงไหมแต่ถ้าตรวจสอบแล้วพบความผิดปรกติเกิดขึ้นกับเสาเข็มเจาะนั้น สามารถแก้ไขได้เบื้องต้นคือเพิ่มแซมเสาเข็มและเสาเข็มเจาะต้นใหม่ แต่ทางที่ดีคือควรยกเลิกเสาเข็มนั้นไปเลยและทำเข็มเจาะใหม่ซึ่งจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดและทำให้เรามั่นใจถึงความสมบูรณ์ของเสาเข็มนั้นๆ

สำหรับวิธีการตรวจสภาพเสาเข็มเจาะโดยทั่วไป มีอยู่ 3 วิธีคือ

1.ตรวจสภาพสร้างความพอใจให้ผู้ใช้ของเข็มเจาะด้วย ระบบคลื่นเสียง รูปแบบนี้จะเป็นการตรวจสภาพสภาพความสมบูรณ์ของ เสาเข็มโดยใช้คลื่นเสียงโดยใช้เครื่องมือเฉพาะ ทำการตรวจวัด แล้วรอดูผลว่า เข็มเจาะแต่ละต้นนั้นมีสภาพใต้ดินเป็นอย่างไรบ้าง เป็นเรื่องที่ควรทำและให้ความสำคัญและห้ามละเลยอย่างยิ่งสำหรับเข็มเจาะทุกต้น เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจ ด้วยเหตุว่าการตรวจแบบนี้ สามารถทำได้ง่ายและราคาไม่แพง อาจมีค่าเสียหายแค่ต้นละ ราว 300-500 บาท ค่าของเสาเข็มเจาะนั้นก็ขึ้นอยู่กับจำนวนสร้างความพอใจให้ผู้บริโภคและความสามารถในการต่อรองราคา

2.ควรทดสอบการรับน้ำหนักทุกครั้ง หากเรียกร้องตรวจสอบสภาพคุณภาพของเสาเข็มเจาะ ด้วยรูปแบบ ไดนามิคเทส ซึ่งเป็นการตรวจสภาพการรับน้ำหนักของเสาเข็มโดยตรงโดยการเลือกใช้ น้ำหนักจริง(ลูกตุ้ม) นำมาตอกลงบนหัวเสาเข็ม เพื่อเป็นการตีราคาผล และเป็นการทดสอบการทรุดตัวของเสาเข็มด้วย หลังจากนั้นจึงนำไปคำนวนการรับน้ำหนักของเสาเข็มที่แท้จริงว่าสามารถรับกำลังได้เท่าไรนั่นเอง การตรวรสอบเสาเข็มเจาะ วิธีนี้จะมีค่าซ่อมแซมที่สูงพอสมควรซึ่งบางครั้งแพงกว่าตัวเสาเข็มอีกต่างหาก ส่วนใหญ่เราจึงไม่ ทำการตรวจสอบสภาพนี้ในทุกๆงาน แต่อาจทำการตรวจสอบสภาพในกรณีที่ จะมักใช้เวลาที่พบว่าเสาเข็มมีปัญหาไม่สามารถชี้ชัดลงไปได้ หรืออาจทำในโครงการใหญ่ๆที่นายช่างวิศวะเรียกร้องทราบ การรับน้ำหนักของเสาเข็ม เพื่อความแม่นยำในการดีไซน์เป็นต้น

3.การตรวจสอบการรับน้ำหนักด้วยวิธีการStatic pile test   ซึ่งจะเป็นแท่งปูนหลายๆแท่ง มาวาง วิธีนี้เป็นการทดสอบการรับน้ำหนักของเสาเข็มเจาะที่แม่นยำมากที่สุด ด้วยเหตุว่าเป็นการทดสอบที่ใช้น้ำหนักจริงในการกดทดสอบเสาเข็ม ส่วนของราคาค่าย่อมแพงตามเป็นไปตามมาตรฐานหรือข้อกำหนดและความแม่นยำในการตรวจสอบสภาพ หากจะใช้ขั้นตอนการตรวจสภาพวิธีนี้จะต้องมีค่าใช้จายที่สูงมาก

แต่สำหรับใครมีเงินพอที่จะจ่ายในส่วนการตรวจสภาพเสาเข็มเจาะนี้ ขอแนะนะให้ใช้รูปแบบการตรวจสภาพวิธีที่ 3 นี้ค่ะ ด้วยเหตุว่านอกจากสร้างความแม่นยำและถูกต้องแล้ว เราจะได้มั่นใจในโครงสร้าง ที่มีความแข็งแกร่ง ต่อการทำงานด้วย แต่ส่วนใหญ่นั้นมักจะใช้แต่โครงการใหญ่ๆ ที่ปรารถนาความแม่นยำสูงเท่านั้น



ที่มา : http://thongtang.tumblr.com/

วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2558

การตรวจสอบเสาเข็มเจาะ

การตรวจสอบเสาเข็มเจาะ

รูปแบบการตรวจสอบเสาเข็มภายหลังเสาเข็มเจาะเสร็จแล้วนั้น ซึ่งเป็นขั้นตอนการตรวจสอบเสาเข็มและเสาเข็มเจาะนี้วัตถุประสงค์เพื่อที่จะตรวจสอบสภาพถึงความสมบูรณ์ของเสาเข็มที่ได้ทำไปแล้วเท่านั้นว่าแข็งแรง ปฎิบัติงานได้จริงไหมแต่ถ้าตรวจสอบสภาพแล้วพบความผิดปรกติเกิดขึ้นกับเสาเข็มเจาะนั้น สามารถแก้ไขได้เบื้องต้นคือเพิ่มแซมเสาเข็มและเข็มเจาะต้นใหม่ แต่ทางที่ดีคือควรยกเลิกเสาเข็มนั้นไปเลยและทำเสาเข็มเจาะใหม่ซึ่งจะเป็นรูปแบบที่ดีที่สุดและทำให้เรามั่นใจถึงความสมบูรณ์ของเสาเข็มนั้นๆ

สำหรับขั้นตอนการตรวจสอบเข็มเจาะโดยทั่วไป มีอยู่ 3 รูปแบบคือ

1.ตรวจสภาพเป็นไปตามมาตรฐานหรือข้อกำหนดของเข็มเจาะด้วย ระบบคลื่นเสียง วิธีนี้จะเป็นการตรวจสภาพสภาพความสมบูรณ์ของ เสาเข็มโดยใช้คลื่นเสียงโดยใช้เครื่องมือเฉพาะ ทำการตรวจวัด แล้วรอดูผลว่า เข็มเจาะแต่ละต้นนั้นมีสภาพใต้ดินเป็นอย่างไรบ้าง เป็นเรื่องที่ควรทำและให้ความสำคัญและห้ามละเลยอย่างยิ่งสำหรับเข็มเจาะทุกต้น เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจ เหตุด้วยการตรวจแบบนี้ สามารถทำได้ง่ายและค่าไม่แพง อาจมีค่าเสียหายที่ต้องจ่ายแค่ต้นละ ราว 300-500 บาท มูลค่าของเข็มเจาะนั้นก็ขึ้นอยู่กับจำนวนสร้างความพอใจให้ผู้ใช้และความสามารถในการต่อรองค่า

2.ควรทดสอบการรับน้ำหนักทุกครั้ง หากตั้งใจตรวจสอบเป็นไปตามมาตรฐานหรือข้อกำหนดของเสาเข็มเจาะ ด้วยรูปแบบ ไดนามิคเทส ซึ่งเป็นการตรวจสอบสภาพการรับน้ำหนักของเสาเข็มโดยตรงโดยการเลือกใช้ น้ำหนักจริง(ลูกตุ้ม) นำมาตอกลงบนหัวเสาเข็ม เพื่อเป็นการประมาณผล และเป็นการทดสอบการทรุดตัวของเสาเข็มด้วย หลังจากนั้นจึงนำไปคำนวนการรับน้ำหนักของเสาเข็มที่แท้จริงว่าสามารถรับกำลังได้เท่าไรนั่นเอง การตรวรสอบเสาเข็มเจาะ วิธีนี้จะมีค่าซ่อมแซมที่สูงพอสมควรซึ่งบางครั้งราคาแพงกว่าตัวเสาเข็มอีกต่างหาก ส่วนใหญ่เราจึงไม่ ทำการตรวจสภาพนี้ในทุกๆงาน แต่อาจทำการตรวจสภาพในกรณีที่ จะมักใช้เวลาที่พบว่าเสาเข็มมีปมปัญหาไม่สามารถชี้ชัดลงไปได้ หรืออาจทำในโครงการใหญ่ๆที่เอ็นจิเนียเรียกร้องทราบ การรับน้ำหนักของเสาเข็ม เพื่อความแม่นยำในการออกแบบเป็นต้น

3.การตรวจสอบสภาพการรับน้ำหนักด้วยวิธีการStatic pile test   ซึ่งจะเป็นแท่งคอนกรีตหลายๆแท่ง มาวาง วิธีนี้เป็นการทดสอบการรับน้ำหนักของเสาเข็มเจาะที่แม่นยำมากที่สุด เนื่องมาจากเป็นการทดสอบที่ใช้น้ำหนักจริงในการกดทดสอบเสาเข็ม ส่วนของสนนราคาค่าย่อมราคาสูงตามสร้างความพอใจให้ผู้บริโภคและความแม่นยำในการตรวจสอบ หากจะใช้ขั้นตอนการตรวจสอบสภาพขั้นตอนนี้จะต้องมีค่าใช้จายที่สูงมาก

แต่สำหรับใครมีเงินพอที่จะจ่ายในส่วนการตรวจสภาพเสาเข็มเจาะนี้ ขอแนะนะให้ใช้รูปแบบการตรวจสภาพรูปแบบที่ 3 นี้ค่ะ เพราะนอกจากสร้างความแม่นยำและถูกต้องแล้ว เราจะได้มั่นใจในโครงสร้าง ที่มีความแข็งแรง ต่อการปฎิบัติงานด้วย แต่ส่วนใหญ่นั้นมักจะใช้แต่โครงการใหญ่ๆ ที่เรียกร้องความแม่นยำสูงเท่านั้น

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : เสาเข็มเจาะเปียก

ที่มา : https://boredpile.bravesites.com/blog

วันเสาร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2558

การควบคุมคุณภาพเสาเข็มเจาะ

การควบคุมเป็นไปตามมาตรฐานหรือข้อกำหนดเสาเข็มเจาะ

การควบคุมเป็นไปตามมาตรฐานหรือข้อกำหนดของเสาเข็มเจาะระหว่างการก่อสร้างนั้นเป็นสิ่งที่ควรทำและให้ความสำคัญในรายละเอียดอย่างยิ่งเหตุเพราะมีการแข่งขันด้านราคาของผู้รับเหมาก่อสร้างเสาเข็มเจาะ ที่เรียกร้องลดราคาต้นทุน และผู้รับเหมาก่อสร้างเสาเข็มบางรายเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างที่ขาดความรับผิดชอบในการทำงาน ไม่มีความรู้ในด้านวิศวกรรมที่เพียงพอและไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างแท้จริงเท่าไหร่ ทำให้ผู้รับเหมาเสาเข็มเจาะผลิตงานเสาเข็มไม่ได้เป็นไปตามมาตรฐานหรือข้อกำหนดหรือมีคุณภาพน้อยทำให้เสาเข็มที่ผลิตออกมาเป็นไปตามมาตรฐานหรือข้อกำหนดนั้นต่ำกว่ามาตราฐาน ขาดความแข็งแกร่ง หรือบางทีเป็นเสาเข็มที่ไม่สามารถรับน้ำหนักได้ ต่อจากนั้นเราจึงจำเป็นจะต้องมีรูปแบบการตรวจสอบสภาพเป็นไปตามมาตรฐานหรือข้อกำหนดเสาเข็มเจาะ สามารถทำได้ดังนี้ค่ะ

1.ควรมีการตรวจสอบสภาพระยะและตำแหน่งที่ถูกต้องของเข็มเจาะ เป็นเรื่องที่ต้องให้ความต้องเอาใจใส่มากที่สุด เหตุเพราะตำแหน่งที่ผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจเป็นผลให้เสาเข็มเจาะ เยื้องศูยน์ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างในส่วนฐานราก และวิศวะต้องออกแบบโครงสร้างในส่วนฐานรากหรือจำนวนเสาเข็มนั้นใหม่ทันทีต่อจากนั้นหน้าที่หลักของผู้รับจ้างเหมานั้นต้องใส่ใจและให้ความต้องใส่ใจในรายละเอียดคือต้องตรวจสภาพทั้งตำแหน่งของเข็มเจาะ โดยการทำหมุดอ้างอิงและตรวจสภาพ ตั้งแต่เริ่มเจาะเสาเข็ม

2.ควรตรวจสภาพความลึกของเสาเข็มเจาะ เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและต้องรอบคอบมาก ด้วยเหตุว่าการรับน้ำหนักของเสาเข็มเจาะที่สมบูรณ์นั้นปลายเสาเข็มเจาะ ต้องนั่งอยู่บนชั้นทราย หรือชั้นดินแข็ง เสาเข็มจึงจะสามารถรับน้ำหนักได้ ดีและมีเป็นไปตามมาตรฐานหรือข้อกำหนด ผู้ตรวจสอบเข็มเจาะนั้นต้องใช้การผ่านงานและความรู้ความเข้าใจมากพอสมควร ต่อจากนั้นขั้นตอนการตรวจสภาพความลึกของเข็มเจาะ ที่สามารถบอกเป็นแนวทางปฏิบัติ ผู้ตรวจสอบจำเป็นต้องรู้จักการสังเกตุชั้นดินของเสาเข็มเจาะ จากเศษดิน ที่ขุดขึ้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเจาะเสาเข็มต้นแรก ว่ารูปแบบของชั้นดินบริเวณนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ชั้นดินแข็งหรือชั้นทรายอยู่ที่ประมาณความลึกเท่าไร และควรทำการจดบันทึกลักษณะชั้นดินนี้ไว้ทุกครั้ง เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับชั้นดินในการเจาะเสาเข็มต้นต่อไป ว่ารูปแบบและสีของดิน ควรจะเหมือนกัน ก่อนทำการเทคอนกรีต โดยไม่จำเป็นต้อง มีความลึกเท่ากันทุกต้นก็ได้

3.ควรตรวจสอบวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างเสาเข็มเจาะซึ่งเป็นเรื่องที่ควรทำอยู่แล้วในทุกขั้นตอนของการก่อสร้างอาคาร ไม่ใช่แค่เพียงเข็มเจาะเท่านั้น รวมไปถึงวัสดุที่นำมาก่อสร้าง ทั้งปูนซิเมนต์เหล็ก ซึ่งมีหลายชั้น หลายเกรดให้เลือกใช้เยอะแยะหลายยี่ห้อ นอกจากจะแตกต่างกันที่ขนาดแล้ว สนนราคาก็ย่อมแตกต่างกันด้วยนั้นก็ขึ้นอยู่กับสร้างความพอใจให้ผู้ซื้อ ราคาถูกราคาสูงต่างกันมาก สร้างความพอใจให้ผู้บริโภคก็ต่างกันไปตามสนนราคา

เพราะฉะนี้การตรวจสอบวัสดุและตรวจสอบสภาพเป็นไปตามมาตรฐานหรือข้อกำหนดของเสาเข็มเจาะนั้น ส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่การตกลงกับผู้รับเหมา ก่อนการดำเนินงาน จำนวนที่ใช้ และชั้นสร้างความพอใจให้ลูกค้าของวัสดุ เนื่องมาจากมีผู้รับเหมาเสาเข็มเจาะที่รับงานมูลค่าถูกบางรายมีมาตราฐานในการเสนองาน ที่ต่ำกว่ามาตราฐาน เป็นต้น

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : เสาเข็มเจาะเปียก

เครดิต : https://thongtang.edublogs.org/

วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เคล็ดลับการทำปูนซิเมนต์ของงานเสาเข็มเจาะเพื่อป้องกันการยุบตัว

เคล็ดลับการทำปูนของงานเสาเข็มเจาะเพื่อป้องกันการยุบตัว

ปูนของงานเสาเข็มเจาะอย่างนี้ ได้ถูกดีไซน์ส่วนผสมตามค่ากำลังอัดที่อายุ 28 วัน และค่าการยุบตัวสำหรับงานเทเข็มเจาะโดยมีการผสมปูนซิเมนต์ด้วยหน่วงการก่อตัว และลดปริมาณน้ำในส่วนผสม ตามมาตรฐาน ASTM C 494 ทำให้ปูนซิเมนต์มีความสามารถในการทำการทำงานเพิ่มขึ้น ไม่เกิดการแยกตัวขณะเทคอนกรีต รวมถึงเพิ่มอายุการทำงานของคอนกรีต และเพื่อให้เหมาะสมกับงานเสาเข็มเจาะโดยเฉพาะ เนื่องจากปูนชนิดนี้มีระยะเวลาการแข็งตัวที่ช้ากว่าปูนซิเมนต์ปกติทั่วไป ทำให้การพัฒนากำลังอัดในช่วงต้นของปูนอย่างนี้ต่ำกว่าปูนซิเมนต์ชนิดอื่นๆ

หลังจากที่ได้นำความรู้เกี่ยวกับเรื่องของการทำเสาเข็มเจาะแบบแห้งและเข็มเจาะแบบเปียกมาฝากกันแล้ว วันนี้เรามาศึกษาขบวนการการปฏิบัติงานปูนเสาเข็มเจาะสำหรับเนื้อปูนซิเมนต์สำหรับงานเจาะเสาเข็ม จะถูกออกแบบมาโดยเฉพาะและมีคุณสมบัติพิเศษเพื่อป้องกันไม่ให้มีค่าความยุบตัวของโครงสร้าง และไม่แยกตัวขณะเทปูนซิเมนต์ นอกจากนี้ ยังดีไซน์ให้มีอายุการใช้งานที่นานกว่าปูนซิเมนต์ปกติทั่วไป ซึ่งมั่นใจได้ว่าเสาเข็มเจาะแต่ละต้นจะมีคุณภาพและมาตรฐานในการก่อสร้างแน่นอน มั่นใจได้ในเรื่องของความทนทานและไม่ก่อให้เกิดการยุบตัวของปูน ตั้งแต่เริ่มต้นจน กระทั่งจบงาน

นอกจากจะรู้หลักการในการทำเสาเข็มเจาะ วิธีการ และคอนกรีตที่นำมาทำเสาเข็มเจาะแล้วนั้น เราควรรู้จักวิธีป้องกันและระมัดระวังอย่างมาก ในการทำเข็มเจาะ ซึ่งข้อแนะนำการใช้ปูนซิเมนต์ในงานเสาเข็มเจาะมีดังนี้ ควรหลีกเลี่ยงการผสมน้ำเพิ่มที่หน้างาน ด้วยเหตุว่าจะทำให้ส่วนผสมคอนกรีตเกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะส่งผลให้ปูนเกิดการแยกตัวขณะเทปูนซิเมนต์เกิดตัวปัญหาคอนกรีตเป็นฝุ่นที่ผิวหน้า เกิดอุปสรรคค่ากำลังอัดต่ำกว่าค่าการรับรอง ทำให้เกิดผลเสียอย่างอื่นตามมาและแก้ไขได้ยากลำบากระหว่างการเทปูนซิเมนต์ทุกครั้ง ควรมีการลำเลียงปูนซิเมนต์อย่างเหมาะสม ไม่ปล่อยคอนกรีตจากที่สูงทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันการแยกตัวและยุบตัวของปูน รวมถึงควรตรวจสอบสภาพว่าคอนกรีตแน่นพอไหมทำแบบนี้เพื่อให้ปูนเข้าแบบหล่อได้อย่างสมบูรณ์และเป็นเนื้อเดียวกันไม่เกิดโพรงเมื่อคอนกรีตแข็งตัวแล้ว

ทราบวิธีการทำคอนกรีตเสาเข็มเจาะกันแล้ว รวมไปถึงข้อควรระวังในการทำคอนกรีต ทั้งนี้ควรระมัดระวังอย่างยิ่ง สิ่งไหนที่ควรหลีกเลี่ยงและไม่ควรทำ ทั้งนี้เพื่อประโยชน์สูงสุดในการก่อสร้างที่ให้ได้มาตรฐาน ความปลอดภัย และความทนทานนั่นเอง



เครดิต : https://boredpileblog.wordpress.com/